♥ ขอขอบทางเว็บนี้มากค่ะ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ไปมาหาสู่กันบ้างนะค๊ะ ♥
เพลงทหารเรือ โดยกองดุริยางค์ทหารเรือ
มีหลายบทเพลงที่
ที่เป็นพระนิพนธ์ของกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์http://navy22.com/th/index.php?option=com_content&task=view&id=856&Itemid=93บทเพลงของทหารเรือที่เป็นพระนิพนธ์ของกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์เพราะในความจริงแล้วพระองค์ท่านไม่ได้เขียนไว้เฉพาะเพียงแค่เพลงมาร์ช เช่น ดอกประดู่ หรือ เพลงเดินหน้า แต่ท่านยังเขียนเพลงบัลลาดที่ฟังแล้วขนลุกซู่เลย
เพลงนี้เป็นเพลงที่มีเนื้อเพลงสั้นมาก แต่กลิ่นอายและความไพเราะนั้นเข้าขั้นสุดยอด
“ดาบของชาติ” คือเพลงๆ นั้น ตัวเพลงเขียนขึ้นโดยที่เป็นโคลงสี่สุภาพเพียงบทเดียวเท่านั้น แต่ในบทเดียวนี่แหล่ะ ถูกเรียบเรียงเสียจนไพเราะด้วยทำนองในแบบของเพลงคลาสสิกซึ่งอ้อยอิ่งและหนักแน่น มีกลิ่นอายของความถวิลหาและความเสียสละอยู่ในที คือถ้าใครฟังเพลงอย่าง ‘เกียรติศักดิ์ทหารเสือ’ ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้วบอกว่าไพเราะ เพลงดาบของชาตินั้นไพเราะและซาบซึ้งใจไม่แพ้กันราวกับเป็นเพลงคู่แฝด
ปรากฏว่าเหตุการณ์ครั้งแรกของการบรรเลงเพลงนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่มีการตั้งโรงเรียนนนายเรือ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราชทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียน และกองทัพเรือถือกันว่า เป็นวันกองทัพเรือ เหตุการณ์ในวันนั้นนอกจากพระองค์ท่านแล้วก็ยังมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช(รัชกาลที่ 6) ก็เสด็จมาในงานเลี้ยงร่วมกับเจ้านายและข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่อีกมาก ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงอาหารประจำอาคารนั้นมีการบรรเลงดนตรีคลอไปด้วย
ว่ากันว่าในระหว่างทรงเสวยพระกระยาหารนั้น ก็ได้มีบทเพลงที่มีท่วงทำนองเรื่อยเอื่อยเศร้าสร้อยแต่ทว่าทรงพลังลอยมาตามเสียง เท่านั้นยังไม่พอครับ ยังมีนักเรียนทหารเรือผู้หนึ่งที่ชื่อ สนั่น เป็นทหารมหาดเล็กของสเด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ได้ลุกขึ้นร้องเพลงนี้ ตามด้วยการชัดมีดที่เหน็บไว้ออกจากฝักและร่ายรำไปตามทำนองและการร้องของเขาเองด้วย
เนื้อร้องที่นายทหารมหาดเล็กท่านนั้นร้องออกมาก็คือ
“ดาบของชาติเล่มนี้ คือชีวิตของเรา
ถึงจะคมอยู่ดี ลับไว้
สำหรับสู้ไพรี ให้ชาติเรานา
ให้มิตรให้เมียให้ ลูกแล้ ชาติไทย”
พระนิพนธ์เพลงของพระองค์ท่านนั้น เจตนาแรกจากที่เขียนไว้ในหนังสือ "พระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย" นั้นคือต้องการให้นักเรียนนายเรือและทหารเรือได้ฝึกร้องเพื่อการออกกำลังกายและเพื่อความรักสามัคคี ปลุกใจทหารให้มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และคิดสู้กับอริราชศัตรูของชาติโดยไม่ย่อท้อ พระองค์ทรงนิพนธ์เพลงปลุกใจให้นักเรียนนายเรือและทหารเรือร้องเมื่อเข้าแถวสวดมนต์ไหว้พระตอนค่ำและเวลาเดินทางไกล
เพลงดอกประดู่นี้พระองค์เรียกว่าเพลง "คัมมิงทรูดิรัยน์" แต่ปัจจุบันเรียกว่าเพลง "ดอกประดู่" เนื้อหานั้นว่าด้วย ชีวิตของทหารเรือและประสบการณ์ของพระองค์เองที่ทรงนำทหารออกฝึกภาคทะเล
พวกเราดู...รู้เจ็บแล้วต้องจำ
ลับดาบไว้พลางช้างบนยอดกาฟฟ์จะนำ
สยามเป็นชาติของเราธงทุกเสาชักขึ้นทุกลำ
ถึงเรือจะจมในน้ำธงไม่ต่ำลงมา
ว่ากันว่าธีมหลักของบทเพลงนี้อยู่ที่ประโยคสั้นๆ อันมีใจความว่า “เจ็บแล้วต้องจำ” เหตุเพราะภาพของการที่ฝรั่งเศสนั้นเอากองเรือมาปิดปากอ่าวไทยยังคงเป็นภาพแห่งความทรงจำอันเลวร้ายที่แสดงให้ถึงความอ่อนแอของชาติไทยในยุคนั้น ภาพดังกล่าวย้ำให้พระองค์ท่านบอกกับผู้ใกล้ชิดเสมอเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และทำให้พระองค์มีความมานะที่จะพัฒนากองทัพเรือให้ยิ่งใหญ่หรือทัดเทียมกับมหาอำนาจให้ได้
"♪♪...หะเบสสมอพลัน ออกสันดอนไป ลัดไปเกาะสีชัง จนกระทั่งกระโจมไฟ
เที่ยวหาข้าศึก มิได้นึกจะกลับมาใน ถึงตายตายไป ตายให้แก่ชาติของเรา
พวกเราดูรู้ เจ็บแล้วต้องจำ ลับดาบไว้พลาง ช้างบนยอดกาฟฟ์จะนำ
สยามเป็นชาติของเรา ธงทุกเสาชักขึ้นทุกลำ ถึงเรือจะจมในน้ำ ธงไม่ต่ำลงมา
เกิดมาเป็นไทย ใจร่วมกันแหละดี รักเหมือนพี่เหมือนน้อง ช่วยกันป้องปฐพี
สยามเป็นชาติของเรา อย่าให้เขามาย่ำมายี ถึงตายตายให้ดี ตายในหน้าที่ของเรา
พวกเราทุกลำ จำเช่นดอกประดู่ วันไหนวันดี บานคลี่พร้อมอยู่
วันไหนร่วงโรย ดอกโปรยตกพรู ทหารเรือเราจงดู ตายเป็นหมู่เพื่อชาติไทย..."
เพลง"ดอกประดู่"พระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์--------------------------------------------------------------------------------------
ในประวัติที่เขียนถึงไว้เล็กน้อยในกองทัพเรือกล่าวถึงเพลงนี้ว่าเป็นหนึ่งในสองของเพลงมาร์ชปลุกใจรักชาติที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย และน่าจะเป็นเพลงมาร์ชของกองทัพเพลงแรกๆ ที่มีการบันทึกเสียงลงแผ่นกันเสียด้วย
"...เกิดมาทั้งทีมันก็ดีอยู่แต่เมื่อเป็น อีกสามร้อยปีก็ไม่มี ใครจะเห็น
ใครเขาจะนึก ใครเขาจะฝัน เขาก็ลืมกัน เหมือนตัวเล็น นานไปเขาก็ลืม ใครหรือจะยืมชีวิตให้เป็น
ใครจะเห็น ก็เห็นแต่น้ำใจ จำได้แต่ชื่อ ว่าตัวเราคือทหารเรือไทย
ตายแต่ตัว ชื่อยังฟุ้ง ทั่วทั้งกรุง ก็ไม่ลืมได้
ทั้งเซาธ์ ทั้งเวสท์ ทั้งนอร์ธ ทั้งอีสท์ จะคิดถึงตัวเราใย จะต้องตายทุกคนไป
ส่วนตัวเราตาย ไว้ยืน ไว้ยืนแต่ชื่อ ให้โลกทั้งหลายเขาลือ ว่าตัวเราคือ ทหารเรือไทย...
...เกิดมาทั้งทีมันก็มีอยู่แต่ทุกข์ภัย วันนี้เคราะห์ดี รุ่งขึ้นพรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไร
ดีเคยพบ ชั่วเคยเห็น จนเคยเป็น มีเคยได้ อนาคตเราไม่รู้ ถึงไม่รู้ ก็ต้องเดินไป
จะกลัวไปใย มันก็ล่วงไปตามเวลา
ไม่ตายวันนี้ มันก็คงจะซี้วันหน้า
วันนี้ยอ พรุ่งนี้ด่า ไม่ใช่ขี้ข้า ปากของใคร
ทั้งเซาธ์ ทั้งเวสท์ ทั้งนอร์ธ ทั้งอีสท์ จะคิดถึงตัวเราใย จะต้องตายทุกคนไป
ส่วนตัวเราตาย ไว้ยืน ไว้ยืนแต่ชื่อ ให้โลกทั้งหลายเขาลือ ว่าตัวเราคือ ทหารเรือไทย..."
เพลง"เดินหน้า"พระนิพนธ์อีกชิ้นหนึ่งในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์------------------------------------------------------------------------------------------